วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Long - Let Profit Run and Protect Profit



วันศุกร์สัญญาณบวกต่างๆ คึกมากมายเป็นพิเศษ

พร้อมเงินทุนตางชาติที่เข้ามาถล่มทลาย

ณ เวลานี้ ให้จับตาเม็ดเงินว่าวันอังคารจะเข้ามาต่อเนื่อง หรือไม่

ถ้ายังไม่หยุดก็คงจะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Super Bullish
ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคพวก Osillator หรือ
พวก over bought/sold ต่างๆ จะใช้ไม่ได้ผล

ขณะนี้หลายตัว Overbought สุดๆ แล้ว Boilinger Band ก็ฉีกสุดๆ ร้อนแรงมากๆ
ภาพที่ออกมาจึงเป็นอันว่าน่าจะลงมากก่อน

ซึ่งมันจะทำให้ไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น และ ทำให้ไม่กล้าปิด Short
เป็นผลให้นักเทคนิคบางกลุ่มทั้งตกรถ ทั้งขาดทุน TFEX มามากต่อมาก

สัญญาณที่น่าเชื่อถือในภาวะ Super Bullish จะเป็นพวก Trend Following
หรือ พวกเส้นค่าเฉลี่ย ประเภทต่างๆ

อย่างไรก็ตามการแยกแยะว่าเป็น super bullish จริงหรือไม่นั้นยากยิ่งนัก

ถ้าไม่ใช่ รอบนี้ก็น่าจะถึงเวลาลงใกล้ๆ นี้

แต่ถ้าใช่ การขึ้นรอบนี้จะยาวนานเป็นแน่แท้

แต่ ...

มันเป็น super หรือ เปล่านะ เกมส์อันตรายจริงๆ
ถ้าเล่นผิดข้างรับรองฟ้าเหลืองแน่ๆ

ถ้าไม่มั่นใจ ขาสั้นน่าจะหาจังหวะปิดชอต เพื่อตัดขาดทุน
แล้วรอสัญญาณชอต จากสัญญาณของเส้นแนวโน้ม และ
เทรนด์ไลน์ ค่อยชอตใหม่ น่าจะปลอดภัยกว่า

การชอตในภาวะขาขึ้น ที่ไม่มีสัญญาณลงนั้นอันตรายยิ่งนัก

ไว้สัญญาณชอตชัดๆ ค่อยชอตยังไม่สาย อย่าชอตรอ โดยยังไม่มีสัญญาณครับ
ขอยืมคำของลุงโฉลกมาพูดหน่อยนะครับ

Don't play the waiting game.

สำหรับคนที่ลองอยู่ ต้องทำสมาธิครับ หัดนิ่งๆ เอามือซุกกระเป๋า
นั่งดูกำไรที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จะดีกว่า

ไว้มีสัญญาณชอตค่อยปิดครับ

ปล. พวกนักวิแคะเรียงหน้าออกมาชี้เป้า 900 อีกแล้ว

4 ความคิดเห็น:

Mr.Sun กล่าวว่า...

วันศุกร์น้องเชสปิด short ที่แถว 631 ตอนเปิดตลาดภาคภ่าย

นับว่าใจเด็ดมากครับ ตัดสินใจเฉียบขาดดีมากๆ

ผมก็อยากปิด แต่ดันใจไม่เด็ดขาด เลยติดดอยเลย ฮ่าๆ

เป็นงี้ทุกครั้งเลย

วันอังคารถ้าไม่ดีขึ้นก็จะคัทเหมือนกันล่ะ

รอดูสัญญาณครับ ถ้าสัญญาณชอตมาก็ปล่อยยาว

ถ้าไม่มาก็เผ่นลูกเดียวครับ

...

แล้วรอชอตใหม่ครับ อาจจะได้ชอตสูงๆ เลย รอบนี้

แต่ ...

อยากให้ลงมากกว่า (ความหวังอันเลือนลาง ของศาลาคนสั้นครับ)

Mr.Sun กล่าวว่า...

รอบนี้ ได้บทเรียนแสนแพง

อย่าทำก่อนระบบ

ไม่งั้นจะเศร้า

Mr.Sun กล่าวว่า...

สหรัฐฯเลิกซื้อน้ำมันสำรอง หวังดึงราคาตลาดโลกลดลง

สหรัฐฯงัดนโยบายเลิกซื้อน้ำมันเก็บสำรองทางยุทธศาสตร์ หวังดึงราคาในตลาดโลกให้ลดลง

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจเรื่องนี้ หลังรัฐสภาสหรัฐมีมติเมื่อวันอังคารให้ระงับการซื้อน้ำมันเข้ามาเก็บในสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อช่วยดึงราคาน้ำมันในตลาดโลกให้ลดลง หลังจากที่ทำสถิติสูงสุดอีกครั้งที่ 127.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขายเมื่อวานนี้

สัญญาสั่งซื้อน้ำมันของสหรัฐในเวลานี้จะหมดอายุในสิ้นเดือนมิถุนายน และจะไม่มีการลงนามสัญญาฉบับใหม่เพื่อสั่งซื้อน้ำมันในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐตั้งใจจะซื้อน้ำมันเก็บเข้าสำรองวันละ 76,000 บาร์เรล จนถึงเดือนธันวาคมนี้

การตัดสินใจนี้มีขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐเดินทางเยือนตะวันออกกลางและไม่สามารถกล่อมให้ซาอุดิอารเบีย ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก เพิ่มกำลังผลิตได้ โดยรัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดิอารเบียยืนยันว่า อุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาดโลกเวลานี้อยู่ในภาวะสมดุลแล้ว และการตัดสินใจเพิ่มกำลังผลิตอีกวันละ 3 แสนบาร์เรลตามที่สหรัฐเรียกร้องก่อนหน้านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นปริมาณที่ไม่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากจะให้เห็นผล ซาอุดิอาระเบียต้องป้อนน้ำมันออกสู่ตลาดเพิ่มอีกวันละ 1 ล้าน ถึง 1 ล้าน 5 แสนบาร์เรล

Mr.Sun กล่าวว่า...

ลุ้นหุ้นไทยสัปดาห์นี้แตะ 900 จุด
รอบนี้ถึงคราวบิ๊กแคปมาแรง



ลุ้นหุ้นไทยสัปดาห์นี้แตะ 900 จุด หลังปัจจัยบวกกระหน่ำหนุนรอบด้าน ทั้ง Fund Flow ของ นักลงทุนต่างชาติ ค่าบาทแข็ง สะท้อนจากแรงซื้อสุทธิต่อเนื่องกว่า 5 พันล้าบนาท แถมแรงซื้อหุ้นงบโค้งแรกยังแรงไม่เลิก ทั้งเหล็ก อสังหาฯ พลังงาน แบงก์ ขณะที่ ตลท.ออกเกณฑ์วางหลักประกันหุ้นร้อนติดโผ Turnover list ถือเป็นปัจจัยบวกลดความกดดันการออกกฏเข้มการกำกับดูแลของ ตลท. ในสายตานักลงทุนให้ลดลง เชื่อหุ้นบิ๊กแคปเป็นฮี่โร่นำทีม SET Index ซู่ซ่า

ตลาดหุ้นไทยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีทิศทางที่สดใส ดัชนีฯเริ่มเบนเข็มเป็นขาขึ้น หลังแรงซื้อเก็งกำไรกระหน่ำเข้ามาในหุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส1 ปีนี้ออกมาดีเกินคาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเหล็ก พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ที่ผลประกอบการส่วนใหญ่สร้างความประทับใจ ดึงให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายกันอย่างหนาแน่น และมีผลดันดัชนีฯให้เคลื่อนไหวในแดนบวก
ขณะเดียวกันแนวโน้มค่าเงินบาทที่มีสัญญาณแข็งค่าขึ้น ก็สะท้อนให้เห็นว่าเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวที่ระดับ 32.08 - 32.40 บาทต่อดอลลาร์และมีสัญญาณแข็งค่าขึ้นตามภูมิภาค หลังมีการขายเงินดอลลาร์ทำกำไรระยะสั้น ซึ่งจากการสำรวจการซื้อขายรายกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 12-16 พฤษภาคม 2551) พบว่ามีการปริมาณการซื้อสุทธิรวมเกือบ 5,000 ล้านบาท โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 3243.94 ล้านบาท
อีกทั้ง SET Index ปรับเพิ่มขึ้นเด่นชัดในช่วงปลายสัปดาห์ โดยสามารถยืนเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 850 จุดได้ สะท้อนให้ดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index วันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ปิดบวกที่ระดับ 848.94 จุด เป็นจุด High ของวัน และแรลลี่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงปิดการซื้อขายวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม 2551 SET Index ปิดที่ระดับ 870.33 จุด เพิ่มขึ้นถึงมาแรงถึง 14.72 จุด หรือบวกมา 1.72% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 29,439.60 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยรอบสัปดาห์นี้ (วันที่ 20 - 23 พฤษภาคม 2551) ยังมีทิศทางสดใสเชิงบวกต่อเนื่อง โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินกรอบดัชนีฯมีโอกาสขึ้นไปแตะที่ 900 จุด ซึ่งเป็น New High ทำสถิติใหม่ในรอบ 6 เดือน หลังดัชนีฯแตะระดับ 902 จุด ไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ซึ่งปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุนดัชนีฯ ยังมาจากแรงซื้อหุ้นที่ประกาศงบไตรมาสแรกออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยล่าสุดราคาน้ำมันยืนเหนือ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบไลท์ที่ตลาดนิวยอร์กวันที่ 15 พฤษภาคม ปิดที่ระดับ 124.12 ดอลลาร์ /บาร์เรล
นอกจากนี้ การที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาระบุว่าตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดเตรียมประกาศยกเลิกการสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ในหุ้นเก็งกำไรที่ติดโผ Turnover List โดยหันมาใช้มาตรการดับหุ้นร้อนด้วยการให้นักลงทุนวางเงินสดค้ำประกัน 100% แทนเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุนนั้น ก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้ความกดดันในเรื่องการออกมาตรการกำกับดูแลของ ตลท. ในสายตานักลงทุนลดลงไปบ้าง และบรรดาหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นเก็งกำไรน่าจะรับข่าวดีเรื่องนี้ด้วย แม้ว่าบางตัวอาจจะโดนสกัดจากการวางเงินสด 100% เต็มเมื่อ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศออกมาจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินแนวทางแบบนี้ก็ยังดีกว่า การประกาศห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มักจะทำให้บรรยากาศการลงทุนเสียไปมากกว่าจะดีขึ้น ดังนั้นข่าวดังกล่าวก็น่าจะช่วยหนุนความคึกคักของดัชนีในสัปดาห์นี้ได้ไม่มากก็น้อย
โดยล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ระบุในเบื้องต้นว่า ทาง ก.ล.ต.ได้อนุมัติหลักการยกเลิกห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้นหุ้นเก็งกำไรตามที่ตลาดหลักทรัพย์ร้องขอมาตั้งแต่วันพุธที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ก.ล.ต. ระบุว่า ภายในต้นสัปดาห์หน้า ก.ล.ต.จะส่งหนังสือและหลักการที่ชัดเจนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์มาตรการดับร้อนหุ้นใน Turnover list ดังกล่าว มายังตลาดหลักทรัพย์ฯ


***บล.แอ๊ดคินซันเชื่อสัปดาห์นี้ยกให้หุ้นบิ๊กแคปเป็นฮีโร่ดันดัชนีฯวิ่งแตะ 890 -900 จุด
ชี้วางหลักประกันหุ้น Turnover list ไม่น่ามีผลลงทุน เชื่อขาเล็กกำไรหาช่องทางเล่นได้

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อจากแรงผลักดันของเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติที่น่าจะเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หลังมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
นอกจากนี้ อาจจะต้องจับตาราคาน้ำมัน เพราะมีแนวโน้มจะรีบาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง หลังถูกขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องกลายวันทำการในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกกับราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน และเป็นผลดีกับการปรับขึ้นของดัชนีฯด้วยเช่นกัน ส่วนในทางเทคนิคดัชนีฯผ่านแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมตั้งแต่ต้นปี 2551 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น และสามารถยืนได้อย่างมั่นคง จึงอาจสะท้อนสัญญาณซื้อขึ้นทั้งหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่และหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็ก โดยดัชนีฯมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 890 จุด หากผ่านได้จะมีแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ 900 จุด
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินทิศทางเม็ดเงินต่างชาติที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หุ้นที่น่าจะเป็นตัวผลักดันดัชนีฯสัปดาห์หน้าน่าจะเป็นหุ้นมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นโรงกลั่นที่น่าจะได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1ที่ผ่านมา ประกอบกับมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยวจะทำให้กำไรขั้นจากค่าการกลั่นปรับเพิ่มขึ้น แนะนำซื้อ TOP ให้ราคาเหมาะสม 90 บาท จากผลประกอบการไตรมาส 2/51 ของบริษัทที่น่าจะเติบโตขึ้น จากค่าการกลั่นปกติเฉลี่ยในปัจจุบันของไตรมาส 2 ที่ฟื้นตัวมาอยู่ที่ 8.97 เหรียญ/บาร์เรล ดีขึ้นกว่าค่าการกลั่นปกติของไตรมาสแรกที่ 4.5 เหรียญ/บาร์เรล
ส่วนประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวความคิดที่จะยกเลิกมาตราการห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้น สำหรับหุ้นเก็งกำไรที่เคลื่อนไหวร้อนแรง โดยเฉพาะหุ้นที่ติดใน Turnover List แต่จะหันมาใช้การวางเงินสดค้ำประกัน 100% แทน มองว่าหากเป็นการวางเงินค้ำประกันหุ้นที่สรุปรายชื่อหุ้น Turnover List รายสัปดาห์ก็ถือเป็นมาตรการที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะเป็นการปกป้องนักลงทุนรายย่อยไม่ให้เข้าไปเสี่ยงกับผลขาดทุนแล้ว ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงให้กับทางบริษัทหลักทรัพย์ที่จะไม่ต้องออกวงเงินกู้ยืมในการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่จะเสี่ยงต่อการขาดทุนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการสรุปรายชื่อหุ้น Turnover List แบบรายวันนั้นมองว่าไม่เป็นผลดีเพราะอาจเป็นการกระตุ้นบรรยากาศการเก็งกำไรมากกว่าเดิม เพราะนักลงทุนที่มีพฤติกรรมเล่นหุ้นเก็งกำไรจะใช้วิธีเข้าเร็วออกเร็วยิ่งกว่าเดิม คือเล่นกันในรอบระหว่างวันเพราะไม่แน่ใจว่าวันถัดมาหุ้นตัวใดจะเข้า Turnover List ที่จะต้องมีการวางเงินค้ำประกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่ถือหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กข้ามวัน ดังนั้นช่วงท้ายวันอาจมีแรงขายกดดัชนีฯอ่อนตัวลง
"ถ้าออกมาตรการวางเงินประกัน 100% ต้องดูว่าจะคุ้มเข้มขนาดปิดรายชื่อหุ้น Turnover List แบบรายวันหรือรายสัปดาห์ถ้าเป็นรายวันก็เหนื่อยแน่ เพราะนักลงทุนที่เป็นนักเก็งกำไรจะเข้าเร็วออกเร็วกว่าเดิม ชนิดไม่หมดรอบวันก็ขายเพราะกลัวอีกวันต้องวางเงินมันไม่น่าจะเวิร์ก เพราะจะเก็งกำไรกันหนักกว่าเดิม แต่ถ้าเป็นรายสัปดาห์ก็โอเคป้องกันความเสี่ยงให้โบรกฯไม่ต้องออกเงินให้ยืมไปเล่น แถมนักลงทุนก็อาจไม่กล้าเข้ามาเล่น เพราะไม่อยากวางเงิน จึงเป็นการปกป้องรายย่อยไม่ให้เข้าไปยุ่งกับหุ้นเก็งกำไร แต่เอาจริงๆแล้วหากคนจะเล่น เค้าก็มีวิธีเล่น คืออาจเล่นเก็งกำไรก่อนรอบสัปดาห์แล้วขายลดความเสี่ยงวันศุกร์ หลังจากนี้ทุกวันศุกร์อาจเป็นวันหุ้นลง"


***บิ๊ก BSEC คาด SET Index สัปดาห์นี้ลุ้นแต่ 900 จุด ส่วนทั้งปีได้เห็น 950 จุด
นายเดชา แปงคำ กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดี ทั้งปริมาณซื้อขายที่เริ่มปรากฏชัดขึ้น และระดับดัชนีฯ ที่มีระดับสูงขึ้น โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน จนสามารถผ่านระดับที่ 870 จุดได้
'ต่อจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งในสัปดาห์นี้มีโอกาสสูงที่ดัชนีฯ จะไปอยู่ที่ระดับ 900 จุดได้ ส่วนทั้งปีมองที่ 950 จุด' นายเดชา กล่าว
ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางบวก เป็นผลมาจากผลประกอบการของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยออกมาดี ได้แก่ กลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจหลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน จึงแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุน โดยเลือกหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ซึ่งจะได้รับผลดีก่อน เช่นในกลุ่ม ธนาคาร พลังงาน ฯลฯ ที่ผลประกอบการไตรมาส 1/51 ออกมาดี
สำหรับกรณีที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมวางเงินสดค้ำประกัน 100% แทนการห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้นสำหรับหุ้นที่เคลื่อนไหวร้อนแรง โดยเฉพาะหุ้นที่ติดใน Turnover list จะไม่จะกระทบทั้งเชิงบวกหรือเชิงลบกับโบรกเกอร์ เนื่องจากส่วนใหญ่ก็มีมารตรการป้องกันความเสี่ยงอันเกิดจากโอกาสที่ลูกค้าจะผิดนัดชำระเงินด้วยวิธีการลักษณะเดียวกันอยู่แล้ว โดยหากอนาคตมาตรการดังกล่าวได้ถูกนำมาบังคับใช้จริง ก็จะสอดคล้องกับที่โบรกเกอร์ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะมีการซื้อขายตามปกติ โดยประเด็นวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 100% ไม่น่ามีน้ำหนัก และส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นเก็งกำไรเช่นกัน


***บล.บัวหลวงคาดดัชนีฯสัปดาห์นี้วิ่งแตะ High เดิมที่ 878 จุดได้ไม่ยาก เชื่อพลังงาน-อสังหาฯ-เดินเรือนำดัชนีฯ
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในสัปดาห์หน้า มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องไปถึงจุดสูงสุดเดิมที่ 878 จุด เนื่องจากเมื่อประเมินทางเทคนิคพบว่า ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านแนวต้านสำคัญที่ 856 จุด โดยในช่วงที่ผ่านมาดัชนีฯ พยายามที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น2-3 ครั้ง และสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้ จึงทำให้มีแนวโน้มของทิศทางบวกมากขึ้น และช่วยหนุนต่อบรรยากาศการลงทุนเช่นกัน
"ศุกร์ที่แล้ว ดัชนีฯ บวกขึ้นมา เพราะพบว่า 2 วันก่อนหน้า ต่างชาติซื้อสุทธิไปหลายพันล้านบาท บวกกับมีข่าวเฉพาะกลุ่ม ในเรื่องผลประกอบการเข้ามาช่วยหนุน โดยผลประกอบการที่ออกมาก็ดีเกินคาดกันทุกกลุ่ม ทั้ง อสังหา-พลังงาน ทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา ผสมโรงกับหุ้นในกลุ่มเดินเรือ ที่ค่าระวางเรือทำ new high และทางเทคนิคผ่าน 856 จุด และทำ high ใหม่ ซึ่งทางเทคนิคหากยืนได่ที่ 856 จุด ก็มีโอกาสที่จะขึ้นถึง จุดสูงสุดใหม่ที่ 878 จุด ในช่วงสัปดาห์หน้าได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าตลาดฯจะปิดยาวถึง 3 วันทำการก็ตาม"นายเผดิมภพ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมองว่าหุ้นที่น่าจะโดดเด่นที่สุดในช่วงสัปดาห์นี้ น่าจะเป็นหุ้นมาร์แก็ตแคปขนาดใหญ่ นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และเดินเรือ โดยเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน ยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของราคาน้ำมัน ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยหุ้นในกลุ่มเดินเรือ มองว่า TTA PSL ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับค่าระวางเรือที่ทะยานสูงขึ้น โดยล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นไปแตะ 11,067 จุด ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ก็ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นค่อนข้างปรับตัวลดลงแรง จึงมีโอกาสที่เห็นสัญญาณเทคนิครีบาวน์ได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์นี้ ตัวเลของผลประกอบการในไตรมาส 1/2551 ทยอยประกาศหมด ส่งผลให้อาจจะทำให้นักลงทุนบางเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมา แต่เชื่อว่าคงจะไม่ใช่ปัจจัยที่เข้ากดดันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก
ส่วนกรณีที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวโน้มที่จะยกเลิกมาตราการห้ามเน็ตฯ และมาร์จิ้นสำหรับหุ้นเก็งกำไรที่เคลื่อนไหวร้อนแรง โดยเฉพาะหุ้นที่ติดใน Turnover list และจะใช้การวางเงินสดค้ำประกัน 100% แทน มองว่า คงจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการลงทุนมากนัก ซึ่งมองว่าผู้ที่น่าจะได้รับผลกระทบมากสุด น่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายแบบเน็ตฯและมาร์จิ้น มากกว่า เพราะมาตราการดังกล่าวยังคงจะต้องมีวงเงินในการวางค้ำประกันถึง 100%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ซื้อ หุ้นในกลุ่มเดินเรือ เพื่อรับข่าวแนวโน้มค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และหุ้นในกลุ่มพลังงาน และหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ประเมินแนวรับไว้ที่ 856 จุด ส่วนแนวต้าน 878 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 893 จุด

***บล.กิมเอ็งคาด SET Index ช่วง 1 - 2 สัปดาห์นี้วิ่งต่อ หลังได้เม็ดเงินต่างชาติ-แรงซื้องบโค้งแรกหนุน
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับที่ประมาณ 880-890 จุด ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 4 ปัจจัย หลัก คือ แนวโน้มของราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัวอยู่ในขณะนี้ และแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศกว่า 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อประเมินถึงค่าบาทที่แข็งค่าบาทขึ้นแต่วันพุธที่ผ่านมา (14 พฤษภาคม51) ยิ่งเป็นสัญญาณเร่งให้ต่างชาติเข้ามาซื้อลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น และยังรับปัจจัยบวกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ส่วนใหญ่ออมาดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ นำโหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร โดยปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ซื้อ หุ้น PTT ,PTTEP, BANPU ,SCB และ KBANK ประเมินแนวรับไว้ที่ 857- 855 จุด แนวต้าน 878-880 จุด



ตางราง Turnover List ของสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 มีหลักทรัพย์จำนวน 2 หลักทรัพย์ที่เข้าข่ายต้องยื่นรายงานต่อ ก.ล.ต.

อันดับ หุ้น %1W-Turnover P/E ratio
1 ML 208.91 23.84
2 BSBM 173.05 7.52
3 SAM 113.67 32.57
4 LST 110.96 14.85
5 YNP* 83.54 ขาดทุน
6 THL* 67.80 ขาดทุน
7 MILL 46.25 28.27
8 GSTEEL 29.95 7.26
9 TSTH 23.58 8.46

* ผลประกอบการขาดทุน

ที่มา : สำนักงาน ก.ล.ต.